รายละเอียด
ดาวน์โหลด Docx
อ่านเพิ่มเติม
ก่อนหน้านี้ ฉันได้รู้เรื่องเขา นิดหน่อย (เหว่บู๋) และฉันสงสัยเขา ฉันก็เลยพูดถึงเขาในเอฟเอ็น (ข่าวฟลาย-อิน) บางตอน แต่ไม่โดยตรงและไม่เกี่ยวพัน กับชื่อของเขา เพราะว่าฉันรู้ ว่าเขารู้ – ถ้าเขาอ่านมัน เขาก็จะรู้ – และฉันไม่จำเป็นต้องบอกคนอื่น ฉันคิดว่าเขาแค่ เข้าใจผิดหรืออะไรบางอย่าง และหลังจากที่เขาได้ยิน คำอธิบายทั้งหมดของฉัน ในข่าวฟลาย-อิน เขาอาจจะเปลี่ยน เขาอาจเงียบไป แต่ไม่ ไม่ ไม่เปลี่ยน เมื่อวันที่ 23 และ 24 สิงหาคม หลังจากที่ออกอากาศ ข่าวฟลาย-อินครั้งที่แล้ว เขาก็เขียนข้อความ บนเฟซบุ๊กทันทีก่อนหน้านั้น เขาได้ขู่แล้วว่า จะขอให้ลูกศิษย์ของเขา ชี้แจงว่าเขาคือ พระเมตไตรย จากนั้นในวันที่ 23, 24 เขาบอกว่า มีเพียงเขาเท่านั้น ที่สามารถอธิบาย พระสูตรของพระศรีอริยเมตไตรย “อย่างลับ ๆ” ในรายละเอียดที่เป็น ความลับ แล้วเขาก็คือพระศรี- อริยเมตไตรยพระพุทธเจ้าตัวจริง เขาหมายถึงตัวเขาเอง หากเขาเคยอธิบายพระสูตรนั้น - หมายความว่าเขาจะบิดเบือน เหมือนกับที่เขาทำกับ คัณฑวยูหสูตร เพื่อให้เข้ากับ จุดมุ่งหมายของเขา “นี่เป็นบาปอันยิ่งใหญ่! คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพระสูตร เพียงเพื่อชื่อเสียงและ ผลประโยชน์ของคุณเองได้” – นั่นคือสิ่งที่นักบุญกาวด่ายบอกฉัน
โพสต์บนเฟซบุ๊ก โดย เหว่บู๋ 23 สิงหาคม 2024: พระศรีอริยเมตไตรยได้รับการแนะนำ โดยพระศากยมุนีพุทธเจ้า เมื่อพระศากยมุนีพุทธเจ้า ทรงพยากรณ์ถึงการประสูติ ของพระศรีอริยเมตไตรย พระองค์ทราบว่าในช่วงเวลานั้น จะมีครูจอมปลอมมากมาย ที่อ้างว่า เป็นพระศรีอริยเมตไตรย ดังนั้นพระศากยมุนีพุทธเจ้าจึง ทรงทิ้งพระสูตรในการเสด็จ ลงมาของพระศรีอริยเมตไตรยไว้ เบื้องหลัง ซึ่งมีคำทำนายอัน ลึกลับของพระองค์เกี่ยวกับ วิธีการระบุพระพุทธเจ้าองค์ที่ 5 แห่งมหามงคลนี้ ดังนั้น ครูธรรมะคนใดที่ สามารถอธิบายพระสูตรในการเสด็จ ลงมาของพระศรีอริยเมตไตรย ได้อย่างชัดเจน ก็คือ พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้าที่แท้จริง ส่วนผู้ที่อธิบายไม่ได้ก็คือ พระศรีอริยเมตไตรยจอมปลอมข้อความบางส่วนจากเพจเฟซบุ๊ก “พระเมตไตรยพุทธเจ้า” โดยเหว่บู๋ : สุธนะหรือพระเมตไตรยในวัยเยาว์ ได้รับการแต่งตั้งจากสวรรค์ให้เป็น คนทรงเด็กในศาสนากาวด่าย ป้าตื่อ นำฉันไปที่ วัดตัมทันห์กาวด่าย อันศักดิ์สิทธิ์ใน คานห์เฮ่า เติ่นอัน ซึ่งมี โรงเรียนสอนการทำสมาธิ แบบเทวนิยม หรือการเล่นแร่แปรธาตุภายใน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่าน ด่านเกอ (โดยใช้การทรงวิญญาณ หรือกระดานวิญญาณ) [...] พวกเขาได้ชักชวนให้ฉันกลายเป็น ด่งตื่อ (คนทรงเด็ก) ในศาสนากาวด่าย ตอนนี้ ฉันกำลังทบทวนการตีความ ของพระศากยมุนีพุทธเจ้า ผ่านผู้ฝึกเข้าทรงจิตวิญญาณ ในศาสนากาวด่าย [...] พระศรีอริยเมตไตรยเกิดและเติบโต ในยุคของ ศาสนากาวด่าย เขาเป็นคนสำคัญของศาสนากาวด่าย ที่มีจิตวิญญาณแห่งเอกภาพสากล โดยซึมซับคำสอนของ ทั้งศาสนากาวด่าย และพุทธศาสนาอย่างลึกซึ้ง เขาปฏิบัติธรรมใน สองศาสนาสำคัญนี้!
ข้อความบางส่วนจากพิธีกรรมสามวัน ที่แท่นบูชาแปดเหลี่ยม ในปี 1935: ข้อความจาก พระผู้เป็นเจ้าสูงสุด มีเพียงผู้ที่บรรลุ เต๋าและสืบเชื้อสายมาจาก [สถานที่] เหนือ สามศาสนาอันยิ่งใหญ่เท่านั้น ที่สามารถสื่อสารกับเราได้ ไม่มีใครอื่นทำได้ นั่นคืออาจารย์ผู้ยังมีชีวิต อาจารย์ผู้รู้แจ้งเช่นนี้ อย่าเข้าร่วมใน “ความรอดพ้นสากล อันยิ่งใหญ่ครั้งที่สาม” (ซึ่งเรียกว่า ศาสนากาวด่าย) เพื่อแสวงหาบุญกุศลเช่นเดียวกับคุณ แต่จงอยู่ภายนอกศาสนา เพื่อสนับสนุนภารกิจ การปลดปล่อยของฉัน [...] ฉันบอกคุณชัดเจน เหล่าลูกศิษย์ของฉัน ว่า ผู้ที่ทำหน้าที่ของฉัน ในโลกนี้ เรียกว่า อาจารย์ผู้รู้แจ้ง อย่างไรก็ตาม ยังมี “อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่” อีกคนหนึ่ง ที่ยังคงซ่อนอยู่ดังที่พระผู้เป็นเจ้า ทรงตรัสไว้ในข้อความข้างต้น เป็นที่ชัดเจนว่า พระเมตไตรย “อาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่” ไม่สามารถเป็นหนึ่งในบรรดาสาวก ของศาสนากาวด่ายได้ สิ่งนี้บ่งชี้ว่าอดีตสาวกของกาวด่าย ที่มีชื่อว่า เหว่บู๋ ปลอมแปลงหลักคำสอนของกาวด่ายตอนนี้ คนทรงอย่างเขา ไม่ใช่ผู้ถ่ายทอด ที่ใช้ร่างกายของเขา ในการส่งข้อความ เขาเป็นเพียงร่างกาย เหมือนเครื่องดนตรี เช่นเดียวกับที่ฉันเล่นกีตาร์ หรือแมนโดลินบางครั้ง นั่นไม่ใช่แมนโดลิน ที่ทำให้เกิดเพลง ฉันเองที่เป็นคนจัดการ แมนโดลิน และสร้างดนตรีจากมัน คล้าย ๆ กันอย่างนั้น ดังนั้นคนทรงก็ไม่สามารถ ประกาศว่าตนเป็นพระพุทธเจ้าได้ เพียงเขาถ่ายทอด คำสอนบางส่วน จากพระพุทธเจ้า ยกตัวอย่าง- ถ้าพระพุทธเจ้าต้องการ ใช้ร่างกายของเขา แต่ร่างทรงต้องบริสุทธิ์และ เป็นวีแกนที่สมบูรณ์ นักบุญกล่าวว่า: “เขาไม่สามารถกินไก่ และดื่มแอลกอฮอล์” อย่างนั้น เขาทำ เมื่อไรก็ตามที่ต้องการ เขากินเนื้อชาวสัตว์ และดื่มไวน์ ในสมาคมของเรา สมาชิกทุกคนเป็นวีแกน ไม่ดื่มเหล้า ไม่ลักขโมย ไม่โกหก แต่เขาทำทุกอย่างนั้น และใครจะรู้ว่าเขายังรักษาพรหมจรรย์ ตามที่เขาอ้างหรือไม่? เพราะคนทรงสำหรับศาสนากาวด่าย ต้องเป็นพรหมจรรย์ แต่ใครจะไปรู้ว่า เขายังบริสุทธิ์อยู่หรือไม่? ขอฉันถามนักบุญที่นี่ว่าเขาเป็นไหม โอ้ “ไม่ใช่อย่างนั้นด้วยซ้ำ” แน่นอนว่า ฉันไม่มีหลักฐานใด ๆ ฉันแค่ฟังในสิ่งที่ฉันได้รับการบอกมา กินเนื้อ (ชาวสัตว์) ดื่มไวน์ และ มั่วไปทั่วแบบนั้น เขาได้ฝ่าฝืนหลักศาสนากาวด่าย ไปแล้วหลายข้อการโกหกเป็นบาปที่เลวร้ายที่สุด ในศาสนาพุทธเช่นกัน หากคุณโกหก ว่าคุณเป็นพระพุทธเจ้า หรือคุณบรรลุ การรู้แจ้งโดยสมบูรณ์ นั่นคือการโกหกที่ยิ่งใหญ่ที่สุด คุณจะตกนรกอเวจี ตลอดกาล ถ้าเขาศึกษาพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้ เขาควรจะรู้เรื่องนี้ และหากเขาเป็นผู้ปฏิบัติ ศาสนากาวด่ายที่จริงใจ เขาก็น่าจะรู้เรื่องนี้ เพราะนักบุญกาวด่ายสอน ผู้ติดตามของท่านทุกคน ถึงหลักการทั้งหมดเหล่านี้ คล้ายกับพุทธศาสนา ดังนั้นนี่ไม่ใช่ความเข้าใจผิด มันเป็นการจงใจเพราะเขาเป็นผีก่อกวน ที่ไม่ต้องการเชื่อฟัง ราชาของเขาเพื่อไปสวรรค์ ที่ฉันสร้างไว้ให้พวกเขา แค่ป้วนเปี้ยนแถวนี้ อยากสร้างปัญหา จากนั้น หลังจากที่เขาไม่ได้ติดตาม พระองค์ท่าน ราชาปีศาจก่อกวน เขาก็ไปติดตาม และทำงานให้กับมารในตอนนี้ มารบอกให้เขา ทำนี่และทำนั่น สองสามปีนี้ ฉันเจอความลำบากมาก แทบตาย อ่อนแรงบ้าง พวกเขาจึงใช้โอกาสนั้น ลุกฮือขึ้นมา พวกเขายังรู้ด้วยว่า เจิ่มตัม กำลังจะเสร็จงาน ของเขาเร็ว ๆ นี้เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าตรัสว่า ปีศาจ ผี และ อสุรกายปลอมตนเองเป็นพระ และแม่ชีหรือฆราวาสใน ศาสนาพุทธหรือศาสนาอื่น ๆ “และหลังจากที่อำนาจของ พวกเขาหมดลง พวกเขาจะถูกเจ้าหน้าที่จับ ไม่เช่นนั้น พวกเขาจะหมดแรงดึงดูด ดังนั้น วัดวาอารามหลายแห่ง จะว่างเปล่าและรกร้าง”“พระพุทธเจ้าตรัสกับ [พระอานนท์] ว่า ‘[…] หากมีตัวตนเช่นนี้ (พระโพธิสัตว์ พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือ พระอรหันต์) พวกภิกษุ อสูร จะรวมตัวกันเกลียดชังท่าน และใส่ร้ายท่าน […] เขาจะถูกขับไล่และเนรเทศออกไป พวกเขาจะไม่ยอมให้ท่านอยู่ ณ สถานที่นั้น ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พวกเขาทั้งหมดจะล้มเหลวในการ ปลูกฝังความดีตามวิถีทาง วัดจะว่างเปล่า และรกร้าง และจะ ไม่ได้รับการซ่อมแซมอีกต่อไป แต่จะ ปล่อยให้ทรุดโทรมลง พระภิกษุจะโลภอยากได้อะไร นอกจากสิ่งของทางวัตถุ สะสมสิ่งของเหล่านั้น โดยไม่แจกจ่าย ไม่ทำความดี […] เหตุผลที่วิถีทางจะ ตื้นเขินและอ่อนแอ ก็เพราะ บุคคลประเภทนั้น บางคนจะหลบเลี่ยงผู้ตรวจจับ โดยอาศัยวิถีทางของฉัน พยายามจะบวชเป็นพระภิกษุ แต่ไม่ปฏิบัติตาม ศีลและพระบัญญัติ เมื่อถึงกลางเดือนและปลายเดือน ทางจันทรคติ ถึงแม้จะสวดศีล ในนามก็ตาม แต่พวกเขาก็จะเบื่อ และขุ่นเคือง ขี้เกียจและไม่สนใจ เขาจะไม่อยากฟัง เขาจะเลือก และย่อคำลงตรงนี้และตรงนั้น ไม่เต็มใจที่จะพูดทุกอย่าง พระสูตรจะไม่ถูกสวด และถ้ามีผู้อ่าน พวกเขาจะไม่รู้จัก ตัวอักษรและวลี พวกเขาจะตีความ และอ้างว่าถูกต้อง โดยไม่สนใจ ที่จะถามผู้ที่รู้ ด้วยความเย่อหยิ่ง พวกเขาจะแสวงหาชื่อเสียง แสดงกิริยามารยาท ที่สง่างามเพื่อ ยกย่องตนเอง และหวังในสิ่งของที่ผู้อื่นมอบให้ แก๊งภิกษุอสูรเหล่านี้ จะต้องพบกับชะตากรรมอันเลวร้าย และวิญญาณตกสู่นรกอเวจีหลังจาก จุดจบของชีวิตที่ถูกกำหนดไว้” ~ ข้อความบางส่วนจาก “การดับสูญขั้นสุดท้าย ของธรรมะสูตร”ปีศาจ อสุรกาย และผี มีพลังดึงดูดอยู่บ้าง เพราะว่าพวกเขาแตกต่าง จากมาตรฐานของมนุษย์ มนุษย์เราก็มีพลังเช่นกัน แต่ถูกกดไว้เพราะ เราได้ทำสิ่งต่าง ๆ ที่กดพลังทั้งหมดของเรา หรือเราสาบานว่าจะทำงาน โดยปราศจากพลัง เพราะในโลกมายา ซึ่งก็คือโลกนี้ คุณ ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้พลัง หากคุณมาจากสวรรค์ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ พลังเวทมนตร์โจ่งแจ้ง เพื่อดึงดูดผู้คน มีเพียงปีศาจ อสุรกาย และมารเท่านั้นที่สามารถทำได้ เพราะพวกเขาได้ควบคุมโลกนี้ มานานแล้วPhoto Caption: ร่วมรักษา ฟื้นฟู การทำให้สวยงาม ความปรารถนาแห่งสวรรค์!
